วันส่งจากไม่รู้คืน
ตอนที่ 1: หายไปในสายหมอก
ในเช้าวันหนึ่งที่อากาศหนาวเย็น หมอกหนาปกคลุมเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เมืองนี้มีบ้านไม้หลังเล็กตั้งอยู่โดดเดี่ยว ณ ปลายถนนสายหนึ่ง และนั่นคือที่อยู่ของเอลิน หญิงชราผู้ใช้ชีวิตเพียงลำพังหลังจากที่สามีของเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อหลายปีก่อน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในบ้านที่เงียบสงบ บางครั้งเธอจะออกมานั่งที่ระเบียงเพื่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่หมอกหนาบดบังแสงอาทิตย์ ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างเป็นสิ่งที่เธอต้องทนอยู่ทุกวัน
แม้ว่าหลายปีผ่านไป แต่เอลินยังคงจัดห้องต่างๆ ในบ้านให้เหมือนกับตอนที่สามีของเธอยังอยู่ ข้าวของของเขายังคงอยู่ในที่ของมัน ไม่มีอะไรถูกย้ายหรือนำไปใช้ งานศพไม่เคยจัดขึ้นเพราะไม่มีร่างของเขาที่จะฝัง แต่มีหีบศพไม้เล็กๆ ที่เอลินสร้างขึ้นเอง ซึ่งเธอใช้เพื่อเก็บดอกไม้งานศพที่เธอเปลี่ยนใหม่ทุกสัปดาห์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำและความหวังว่าเขาอาจกลับมา
ทุกๆ วันเอลินจะเดินไปที่ป่าใกล้บ้าน เธอจะเดินทางตามเส้นทางเดิมที่เธอและสามีเคยเดินด้วยกัน หวังว่าวันหนึ่งเธออาจพบร่องรอยหรือสิ่งที่บ่งบอกว่าสามีของเธอยังมีชีวิตอยู่ แม้ความหวังจะเริ่มริบหรี่ลง แต่เธอยังคงยึดมั่นในความหวังนั้น เพราะความเชื่อที่ว่าความรักไม่เคยตาย แม้ในวันที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้าหรือหมดหวัง เธอยังคงกลับมาที่บ้านและมองไปยังหีบศพไม้ที่เธอสร้างขึ้น เพื่อระลึกถึงความรักที่เธอและสามีมีให้กัน
คืนหนึ่ง ขณะที่เอลินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอได้ยินเสียงประหลาดจากป่า มันเป็นเสียงเหมือนคนกำลังเดิน แต่เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปในสายหมอก เธอรีบออกไปดู แต่ไม่พบใคร เสียงนั้นทิ้งเธอไว้กับคำถามและความหวังอันใหม่ว่าอาจจะเป็นสัญญาณจากสามีของเธอ
ตอนนี้ปิดท้ายด้วยความหวังอันริบหรี่ที่เอลินพยายามยึดมั่น เธอรู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้าอาจยากลำบาก แต่ความรักที่เธอมีให้สามียังคงเป็นแรงผลักดันให้เธอเดินหน้าต่อไป
ตอนที่ 2: เสียงแห่งความทรงจำ
คืนที่เสียงประหลาดจากป่าปรากฏขึ้น เอลินไม่สามารถกลับไปหลับได้ เธอใช้เวลาที่เหลือของคืนในการนั่งฟังเสียงต่างๆ รอบบ้าน แม้ความเงียบจะกลับมา แต่เธอก็ยังคงรู้สึกถึงความผิดปกติที่เหมือนอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่สามีของเธอหายตัวไป ทำให้เธอเริ่มเชื่อว่าบางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป
ตอนเช้า เมื่อหมอกเริ่มจางลง เอลินตัดสินใจออกไปสำรวจป่า เธอเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เธอและสามีเคยเดินด้วยกัน ระหว่างทาง เธอพบเศษดอกไม้งานศพเก่าๆ ถูกทิ้งอยู่บนพื้น เหมือนกับว่ามันถูกวางไว้เพื่อให้เธอพบเห็น ดอกไม้เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เธอเคยวางไว้ในหีบศพไม้ของเธอ แต่ไม่มีใครเคยเห็นหีบศพนั้นเลย
การค้นพบนี้ทำให้เอลินรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เธอคิดว่าบางทีสามีของเธออาจกลับมา หรือมีใครบางคนรู้เรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของเขา เธอกลับไปที่บ้านและตรวจสอบหีบศพไม้ เธอพบว่าดอกไม้บางส่วนที่เธอวางไว้นั้นหายไป นี่เป็นหลักฐานที่ทำให้เธอเริ่มเชื่อว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น
วันถัดมา เอลินได้รับจดหมายที่ไม่มีที่มาที่ชัดเจน จดหมายนั้นเขียนด้วยลายมือที่คล้ายกับลายมือของสามีเธอ มีข้อความที่เรียบง่ายแต่มีความหมาย “ฉันยังอยู่ที่นี่” นั่นทำให้เธอรู้สึกถึงความหวังอันใหม่ ความหวังที่เธอไม่เคยมีมานาน
เอลินเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของสามี เธอไปพบกับเพื่อนบ้านที่เคยรู้จักเขา และถามเกี่ยวกับเรื่องราวในวันที่เขาหายตัวไป บางคนเล่าว่าเห็นเขาเดินเข้าไปในป่าก่อนที่จะไม่กลับมาอีก แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมเขาถึงหายไป หรือว่าเขาไปที่ไหน
ความพยายามของเอลินในการค้นหาความจริงนั้นเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของเธอ แต่เธอรู้ว่าความจริงนั้นสำคัญ และเธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อค้นหาคำตอบสำหรับคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้จบลงด้วยความหวังและความกลัวที่เอลินต้องเผชิญในการค้นหาคำตอบสำหรับการหายตัวไปของสามี ความรู้สึกของความไม่แน่นอนยังคงอยู่ แต่เอลินรู้สึกว่าเธอกำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ 3: ความจริงในสายหมอก
เอลินยังคงค้นหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของสามีทุกวัน ความหวังที่เกิดขึ้นจากจดหมายลึกลับและเสียงประหลาดในป่าทำให้เธอไม่ยอมแพ้ แต่ในเวลาเดียวกัน ความกลัวที่ว่าความจริงอาจเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการรับรู้ก็คอยย้ำเตือนเธอถึงความเสี่ยงในการตามหาคำตอบนี้
คืนหนึ่งในขณะที่เอลินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบ เสียงจากป่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เสียงก้าวเดินที่เบาบาง มันเป็นเสียงเหมือนคนกำลังขุดหรือกำลังสร้างอะไรบางอย่าง เอลินรีบออกไปดูพร้อมกับไฟฉาย แต่เมื่อเธอมาถึงที่มาของเสียง เสียงนั้นก็หายไปในสายหมอก เหลือเพียงแค่รอยเท้าบนพื้นดินที่เปียกชื้น
รอยเท้านั้นนำเธอไปสู่สถานที่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่มีดอกไม้งานศพประดับอยู่รอบๆ และมีหีบศพไม้ขนาดเล็กคล้ายกับที่เธอทำไว้ในบ้าน สิ่งนี้ทำให้เอลินรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกหวาดกลัวก็เพิ่มขึ้นด้วย
เช้าวันถัดมา เอลินตัดสินใจไปพบกับผู้คนในหมู่บ้าน เพื่อหาคำตอบว่าใครเป็นคนสร้างหีบศพนั้น และทำไมถึงมีดอกไม้งานศพประดับอยู่รอบๆ บางคนบอกว่าไม่เคยเห็นสถานที่นี้มาก่อน บางคนบอกว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ถูกลืมเลือนในเมืองนี้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เอลินพบจดหมายอีกฉบับหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ข้อความในจดหมายบอกว่า “ความจริงอยู่ในสายหมอก” นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เอลินรู้สึกถึงความลึกลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผย ความกลัวที่เธอมีเริ่มเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญ เธอรู้ว่าเธอจะต้องไปสู่ป่าและเผชิญหน้ากับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหมอกนั้น
เอลินตัดสินใจออกไปในป่าอีกครั้ง พร้อมกับไฟฉายและดอกไม้งานศพที่เธอเตรียมไว้เพื่อวางในหีบศพเล็กๆ ที่เธอพบ ความมืดและหมอกหนาทำให้การเดินทางยากลำบาก แต่เอลินรู้ว่าเธอจะต้องหาคำตอบให้ได้
ตอนนี้จบลงด้วยการที่เอลินเดินเข้าสู่ป่าที่ลึกลับและเต็มไปด้วยหมอก เธอไม่รู้ว่าความจริงที่เธอจะพบคืออะไร แต่เธอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม