ร่มไม้สีดำ
ตอนที่ 1: เงาที่ห่อหุ้มเมือง
ในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ริมป่าใหญ่, มีต้นไม้หลายต้นที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างลึกลับ ผู้คนในเมืองเรียกพวกมันว่า “ร่มไม้สีดำ” ตามตำนานเล่าว่าเมื่อใดก็ตามที่ร่มไม้สีดำปรากฏ จะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในเมือง
ความสงบของเมืองเริ่มถูกทดสอบเมื่อหลายคนในเมืองหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่ละครั้งที่มีคนหายตัวไป หีบศพว่างเปล่าถูกพบใต้ร่มไม้สีดำพร้อมดอกไม้งานศพที่ถูกวางไว้อย่างแปลกประหลาดรอบๆ หีบศพ ชาวเมืองเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงการเดินใกล้ป่าที่มีต้นไม้สีดำ
เอลีน่า นักพฤกษศาสตร์หนุ่มผู้หลงใหลในการศึกษาพรรณไม้แปลกใหม่ ตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงเบื้องหลังต้นไม้เหล่านี้และการหายตัวไปของผู้คน แม้ว่าจะมีคำเตือนจากชาวบ้าน แต่เธอเชื่อว่าต้องมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์สำหรับปรากฏการณ์นี้
เอลีน่าเริ่มต้นการสำรวจโดยการเก็บตัวอย่างใบไม้และดินจากพื้นที่ที่ต้นไม้เหล่านั้นเติบโต ในระหว่างการสำรวจ เธอสังเกตเห็นว่าหีบศพว่างเปล่าและดอกไม้งานศพมักจะปรากฏหลังจากที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นใกล้ป่า ซึ่งทำให้เธอสงสัยว่าอาจมีความเชื่อมโยงระหว่างสภาพอากาศและการเติบโตของต้นไม้เหล่านี้
เอลีน่าค้นพบเอกสารเก่าในห้องสมุดท้องถิ่นที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับต้นไม้สีดำซึ่งเคยปรากฏในเมืองนี้หลายร้อยปีก่อน ตามตำนาน ต้นไม้เหล่านี้เชื่อมต่อกับเรื่องราวของวิญญาณที่ไม่ได้ไปสู่สุคติและหลงเหลืออยู่ในโลกมนุษย์ การพบหีบศพว่างเปล่าใต้ต้นไม้สีดำจึงถูกมองว่าเป็นสัญญาณของวิญญาณที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ตอนนี้จบลงด้วยการที่เอลีน่าตัดสินใจที่จะค้นหาถ้ำลึกในป่าที่เชื่อกันว่าเป็นที่มาของต้นไม้สีดำ ในขณะที่เธอเตรียมตัวสำหรับการเดินทางค้นหาในวันรุ่งขึ้น หีบศพว่างเปล่าและดอกไม้งานศพใหม่ถูกพบอยู่ที่ประตูบ้านของเธอ บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงที่ลึกลับและน่ากลัวกับการสำรวจที่เธอกำลังจะเริ่มต้น
ตอนที่ 2: เงาที่เคลื่อนไหว
เอลีน่าและทีมของเธอเดินเข้าไปในป่าที่มืดมิดซึ่งรายล้อมไปด้วยร่มไม้สีดำ ต้นไม้ที่เริ่มปรากฏก่อนหน้านี้ด้วยใบไม้สีดำนั้นดูขนลุกและอึดอัดยิ่งขึ้นในทุกก้าวที่เดินเข้าไป ดอกไม้งานศพที่พวกเขาพบตามทางไม่เพียงแต่เพิ่มบรรยากาศอันหนาวเหน็บ แต่ยังแฝงด้วยความลึกลับที่ต้องถูกค้นหา
ในขณะที่ทีมสำรวจต่อไป พวกเขาพบว่าร่องรอยการเดินของสัตว์และคนที่คลุมเครือ เหมือนมีบางอย่างหรือใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวรอบๆ พวกเขาในเงามืด หีบศพว่างเปล่าที่พวกเขาค้นพบก่อนหน้านี้กลับมาปรากฏอีกครั้ง คราวนี้พร้อมกับเงามืดที่ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ตามลมที่ผ่านพัด
เอลีน่ารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับร่มไม้สีดำเหล่านี้ ด้วยความช่วยเหลือจากหมู่บ้านใกล้เคียง พวกเขาได้ค้นพบตำนานเก่าแก่ที่เล่าว่าร่มไม้สีดำนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการสูญเสียและการมาถึงของโชคร้าย และตอนนี้ ดูเหมือนว่าโชคร้ายนั้นได้เริ่มคืบคลานเข้ามาในชีวิตของพวกเขา
ในขณะที่พวกเขาเดินต่อไปในป่า พวกเขาพบหีบศพอีกหนึ่งใบที่ถูกวางไว้อย่างแปลกประหลาดท่ามกลางต้นไม้สีดำ หีบศพนี้ไม่ว่างเปล่าอย่างที่เห็นมาก่อน แต่มีดอกไม้งานศพที่วางอย่างเป็นระเบียบและมีร่องรอยของการได้รับการดูแล เหมือนมีใครบางคนจงใจจัดเตรียมสถานที่นี้เพื่อบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขายังคงไม่รู้
การสำรวจคืนนั้นจบลงด้วยความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เดินคนเดียวในป่านี้ และอาจมีเงาของบางสิ่งที่คอยติดตามและสังเกตการณ์พวกเขาจากความมืด ความลึกลับของร่มไม้สีดำและหีบศพที่ว่างเปล่ายังคงเป็นปริศนาที่ต้องถูกคลี่คลายในตอนต่อไป
ตอนที่ 3: รหัสลับในเงา
เอลีน่าและทีมของเธอเดินต่อไปในป่าที่เต็มไปด้วยร่มไม้สีดำ แม้จะรู้สึกถูกจ้องมองจากเงามืดที่เคลื่อนไหวรอบตัว แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป เธอตั้งใจที่จะหาคำตอบสำหรับปริศนาของหีบศพว่างเปล่าและดอกไม้งานศพที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้เหล่านี้
เมื่อเดินเข้าไปในพื้นที่ลึกขึ้นของป่า พวกเขาพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด: แท่นหินโบราณที่ดูเหมือนจะใช้ในพิธีกรรมของชาวบ้านโบราณ แท่นหินนี้ถูกปกคลุมด้วยดอกไม้งานศพและรอบๆ มีหีบศพว่างเปล่าวางเรียงราย ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเงาไม้ บรรยากาศที่นี่ยิ่งเพิ่มความรู้สึกหลอนและลึกลับ
ในขณะที่ทำการสำรวจ ทีมของเธอพบเอกสารโบราณที่ถูกซ่อนไว้ใต้หีบศพหนึ่งใบ แผ่นเอกสารนี้เขียนด้วยตัวอักษรที่หายากและยากต่อการอ่าน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น พวกเขาสามารถถอดความได้ว่ามันบันทึกพิธีกรรมโบราณที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้สีดำและการบรรจุวิญญาณให้สงบสุข
จากการแปลเอกสาร เอลีน่าค้นพบว่าพิธีกรรมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องหมู่บ้านจากความชั่วร้ายโดยใช้ต้นไม้สีดำเป็นสื่อ หีบศพว่างเปล่าและดอกไม้งานศพถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีเพื่อเสนอผีดุหรือวิญญาณที่ไม่สงบให้ได้รับการปลดปล่อย
ในขณะที่เธอและทีมของเธอกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการค้นพบนี้ พวกเขาได้ยินเสียงกระซิบจากเงามืดอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังชัดเจนมากขึ้น และทันใดนั้น หีบศพที่ว่างเปล่าเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวเอง พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในป่านี้
ตอนจบลงด้วยการที่เอลีน่าและทีมของเธอตัดสินใจที่จะดำเนินการต่อพิธีกรรมโบราณนี้ในคืนถัดไป หวังว่าจะปลดปล่อยวิญญาณที่ไม่สงบและคลี่คลายเงามืดที่ห่อหุ้มหมู่บ้าน พวกเขาเตรียมตัวสำหรับคืนที่จะต้องเผชิญกับสิ่งที่อาจเกินความคาดหมายที่สุด