ประตูสู่ความว่างเปล่า
ตอนที่ 1: ห้องลับ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาและป่าหนาทึบ, มีตำนานเล่าขานถึงห้องสมุดโบราณที่ซ่อนอยู่ซึ่งเชื่อกันว่ามีหีบศพโบราณที่ประดับด้วยดอกไม้งานศพที่ไม่เคยเหี่ยวเฉา ตำนานเล่าว่าหีบศพนี้เป็นประตูสู่ “ความว่างเปล่า” ที่มีพลังลี้ลับที่ไม่มีใครเข้าใจได้ และไม่มีใครกล้าที่จะเปิดมัน จนกระทั่ง ลีเลีย, นักศึกษาโบราณคดีหนุ่มผู้มุ่งมั่นและอยากรู้อยากเห็น, ได้มาศึกษาที่หมู่บ้านนี้และตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงเบื้องหลังประตูลึกลับนี้.
ลีเลียใช้เวลาหลายเดือนในการศึกษาบันทึกเก่าแก่และแผนที่ของห้องสมุด โดยพยายามติดตามที่มาของหีบศพและดอกไม้งานศพที่กล่าวถึงในตำนาน จนกระทั่งเธอค้นพบว่าห้องที่เคยเป็นห้องเก็บหีบศพถูกปิดบังอยู่หลังผนังที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในห้องสมุด โดยที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริง
เมื่อลีเลียค้นพบกลไกลับที่จะเปิดผนังนั้น, เธอพบห้องที่มืดมิดและเต็มไปด้วยฝุ่น ที่กลางห้องมีหีบ
ศพโบราณที่ประดับด้วยดอกไม้งานศพที่ดูเหมือนไม่มีวันเหี่ยวเฉา เหล่าดอกไม้เหล่านั้นถูกจัดวางอย่างพิถีพิถันรอบหีบศพ, กลิ่นหอมอ่อนๆ ปะปนกับอากาศอับในห้องนั้น. ลีเลียรู้สึกถึงอากาศเย็นๆ พัดผ่านขณะที่เธอเข้าใกล้หีบ, และเธอสัมผัสได้ถึงความสงบเหลือประหลาดที่ห่อหุ้มทั้งห้อง.
ความอยากรู้อยากเห็นของเธอไม่อาจต้านทานได้, ลีเลียเปิดหีบศพที่ปิดสนิท เธอพบเพียงความว่างเปล่าและสะท้อนแสงของกระจกขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ภายในหีบ สะท้อนให้เห็นตัวเธอเอง ท่ามกลางความมืดและเงาของห้อง. กระจกดูเหมือนจะเป็นประตูที่นำไปสู่อีกโลกหนึ่ง, และขณะที่เธอสัมผัสกระจกนั้น เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสภาพแวดล้อมรอบตัว.
ลีเลียเริ่มได้ยินเสียงกระซิบที่เรียกร้องให้เธอ “ก้าวเข้ามา” ด้วยความลังเลและความกล้า, เธอตัดสินใจที่จะผ่าน ‘ประตู’ นั้น ทันใดนั้นเธอพบตัวเองอยู่ในพื้นที่ที่สุดจะบรรยายได้ว่าเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริง ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความโล่งอันไร้ขอบเขต สภาพแวดล้อมนี้เต็มไปด้วยความเงียบและว่างเปล่าที่ดูเหมือนจะดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงเสียงและสีสัน.
ตอนนี้จบลงด้วยลีเลียที่ยืนอยู่ในความว่างเปล่าที่เธอพบผ่าน ‘ประตู’ กระจก คำถามที่ยังไม่ได้ตอบก็คือ, สิ่งที่เธอจะค้นพบเกี่ยวกับตัวเองและเกี่ยวกับความลับที่หีบศพโบราณและดอกไม้งานศพนั้นปกปิดอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ตอนที่ 2: การสำรวจความว่างเปล่า
ลีเลียยืนอยู่ในพื้นที่ที่ดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ที่เรียกได้ว่าเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริง ห้องที่เธอเข้ามานี้มืดมิดและเงียบสงบจนเธอสามารถได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง เสียงกระซิบที่นำเธอมาถึงที่นี่ตอนนี้หายไปแล้ว ทิ้งเธอไว้กับความเงียบที่ท่วมท้น
ขณะที่เธอเริ่มปรับตัวให้ชินกับความมืด ลีเลียเริ่มสังเกตเห็นว่า “ความว่างเปล่า” นี้ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่เธอคิด เธอเริ่มเห็นว่ามีแสงสลัวๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวเธอ แสงเหล่านั้นเริ่มก่อรูปก่อร่างเป็นภาพที่ไม่ชัดเจน—เหมือนกับความทรงจำหรือภาพสะท้อนจากอดีต
ความสนใจของเธอถูกดึงไปยังภาพหนึ่งที่ดูเหมือนจะชัดเจนกว่าเหล่าอื่น ภาพนี้สะท้อนชีวิตในหมู่บ้านของเธอมานานหลายร้อยปีก่อน ซึ่งรวมถึงหีบศพโบราณและดอกไม้งานศพที่เธอเคยเห็น ภาพเหล่านี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านเท่านั้น แต่ยังเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับตัวละครที่คล้ายคลึงกับเธอเองในอดีต
ด้วยความพยายามที่จะเข้าใจข้อความและความหมายเบื้องหลังภาพเหล่านี้ ลีเลียได้เริ่มสำรวจความว่างเปล่านี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งที่ปรากฏในห้องนี้ไม่ได้เป็นเพียงสะท้อนของอดีตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นไปได้ของอนาคตด้วย
ตอนนี้จบลงด้วยลีเลียที่ตัดสินใจที่จะทำความเข้าใจและเรียนรู้จากความว่างเปล่านี้ โดยหวังว่าจะพาความรู้และข้อความเหล่านั้นกลับไปยังโลกของเธอ เพื่อเปิดเผยความลับที่อาจเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านของเธอให้ดียิ่งขึ้น
ตอนที่ 3: เงื่อนไขของหีบศพ
หลังจากที่ลีเลียพบประตูที่นำไปสู่ “ความว่างเปล่า” ด้วยการผ่านหีบศพโบราณที่มีดอกไม้งานศพประดับอยู่ด้วย การเดินทางของเธอในโลกที่เต็มไปด้วยกระจกและการสะท้อนนำเธอไปสู่ความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตัวเองและตำนานของหมู่บ้านที่เธอมาจาก ห้องสุดท้ายที่เธอเข้าไปค้นพบถูกครอบคลุมไปด้วยม่านหมอกและประกอบไปด้วยหีบศพโบราณมากมายที่วางเรียงรายไปตามทางเดินที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ละหีบศพมีดอกไม้งานศพที่ดูเหมือนจะสดใหม่ไม่เสื่อมสลายแม้จะผ่านไปนานหลายศตวรรษ ลีเลียรู้สึกว่าดอกไม้เหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดความรู้และเรื่องราวที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหีบศพเหล่านี้ ในขณะที่เธอเดินต่อไป ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความหมายของ “ความว่างเปล่า” เริ่มเปิดเผยตัวเอง: มันไม่ใช่สถานที่แห่งการสูญเสียหรือการลืม แต่เป็นสถานที่สำหรับการเก็บรักษาและรำลึกถึงสิ่งที่สำคัญ
ลีเลียได้พบกับหีบศพหนึ่งที่ดูเหมือนจะรอเธออยู่ หีบนี้มีลักษณะเฉพาะตัวที่เด่นชัด ประดับด้วยดอกไม้งานศพที่เรียงร้อยกันเป็นลวดลายที่เล่าเรื่องราวของหมู่บ้านของเธอ เมื่อเธอเปิดหีบศพนั้น เธอพบว่ามีเล่มหนังสือเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน รวมถึงความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อไม่ให้หลงลืม
การเปิดหีบศพนี้ทำให้ลีเลียตระหนักว่า “ความว่างเปล่า” เป็นการเดินทางแห่งความจำ ความรู้ และความสำคัญของการระลึกถึง มันไม่ได้เป็นสถานที่แห่งความสูญหาย แต่เป็นสถานที่ที่ให้โอกาสในการเชื่อมต่อกับอดีตและนำความรู้นั้นมาปรับใช้ในปัจจุบันและอนาคต
ตอนนี้จบลงด้วยลีเลียที่กลับไปยังห้องสมุดพร้อมกับหนังสือเล่มนั้น ตั้งใจที่จะแบ่งปันความรู้และความจริงที่เธอค้นพบกับชาวบ้าน เธอหวังว่าการเปิดเผยนี้จะช่วยให้หมู่บ้านของเธอเข้าใจและเคารพมรดกและประวัติศาสตร์ของตนเองมากขึ้น.