นิทราที่ไม่มีฝัน
ตอนที่ 1: ค่ำคืนแห่งความเงียบ
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาที่สูงชัน ชาวบ้านแต่ละคนต่างประสบปัญหานิทราที่เต็มไปด้วยความว้าเหว่ ไม่มีฝันเยือน ทุกคืนพวกเขาหลับลงในความมืดมิดโดยไม่มีภาพแห่งความฝันเพื่อปลอบประโลมจิตใจ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อนในหมู่บ้านแห่งนี้ และมันเริ่มสร้างความไม่สงบให้กับชาวบ้านที่รู้สึกว่าตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและหมดแรง.
ดร. เอเมลิน, แพทย์หญิงของหมู่บ้านที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการรักษาด้วยสมุนไพรและการปรับสมดุลจิตใจ ได้เริ่มสังเกตเห็นรูปแบบที่น่าตกใจนี้ และเธอตัดสินใจที่จะสืบสวนเพื่อหาสาเหตุของปัญหานี้ เธอเริ่มทำการวิจัยและสัมภาษณ์ผู้ที่ประสบปัญหา และพบว่าหลายคนในหมู่บ้านเริ่มมีอาการนี้หลังจากที่หีบศพโบราณถูกนำมาวางที่โบสถ์หลังใหม่ของหมู่บ้าน.
เอเมลินเชื่อว่าหีบศพนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งเหนือธรรมชาติหรือคำสาปบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อความฝันของชาวบ้าน เธอตัดสินใจที่จะเข้าไปในโบสถ์ตอนกลางคืนเพื่อสำรวจหีบศพ ในขณะที่เธอเข้าใกล้ ลมหนาวพัดผ่านและเธอเริ่มได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ที่ดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวของความสูญเสียและความโศกเศร้า.
ในคืนนั้นเอง เอเมลินได้พบกับหลักฐานที่บ่งชี้ว่าหีบศพอาจมีพลังในการดูดซับความฝันและพลังงานชีวิตจากผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ด้วยความรู้นี้ เธอตัดสินใจที่จะเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ และอาจต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อตัดขาดอิทธิพลของหีบศพ.
ตอนนี้จบลงด้วยความตั้งใจของเอเมลินที่จะจัดทำพิธีล้างคำสาปของหีบศพในคืนถัดไป ด้วยความหวังว่าจะนำคืนความฝันและความสงบสุขให้กับหมู่บ้านอีกครั้ง
ตอนที่ 2: พิธีล้างคำสาป
ด้วยความตั้งใจจริงจากการค้นพบก่อนหน้า, เอเมลินเตรียมการสำหรับพิธีล้างคำสาปที่จะจัดขึ้นที่โบสถ์เก่า ชาวบ้านที่รู้สึกถึงผลกระทบจากหีบศพโบราณต่างรวมตัวกัน เพื่อช่วยเหลือเธอในการกำจัดพลังงานลบที่ทำให้หมู่บ้านขาดความฝันและความหวัง.
เอเมลินได้รวบรวมสมุนไพรและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับพิธี โดยใช้ดอกไม้งานศพและเทียนเพื่อสร้างวงล้อมรอบหีบศพ ชาวบ้านทุกคนร่วมมือกันจุดเทียนและวางดอกไม้ ตามคำแนะนำของเธอ พวกเขาเริ่มพิธีด้วยการสวดมนต์และร้องเพลงโบราณที่เอเมลินเรียนรู้มาจากคัมภีร์เก่าของหมู่บ้าน
ขณะที่พิธีดำเนินไป สายลมเริ่มพัดผ่านโบสถ์ สร้างเสียงเหมือนกระซิบแผ่วเบาที่ค่อยๆ เพิ่มระดับเป็นเสียงครวญคราง จากนั้น แสงเทียนที่รายล้อมหีบศพเริ่มกระพริบอย่างรุนแรง และอากาศหนาวเย็นเริ่มซึมเข้ามาในโบสถ์ ชาวบ้านบางคนเริ่มรู้สึกหวาดกลัว แต่เอเมลินยังคงนำพิธีต่อไปด้วยความมุ่งมั่น
ในที่สุด เมื่อเอเมลินรินน้ำมันหอมระเหยลงบนหีบศพและเผาดอกไม้งานศพที่เตรียมไว้ ไฟพุ่งลุกขึ้นที่หีบศพ และพวกเขาทั้งหมดสัมผัสได้ถึงพลังงานประหลาดที่ปลดปล่อยออกมา อากาศในห้องดูเหมือนจะสั่นสะเทือน และเสียงกระซิบดังขึ้นชัดเจนว่า “ปล่อย…”
เมื่อพิธีสิ้นสุด แสงเทียนเริ่มสงบและแสงสว่างกลับคืนมาในโบสถ์ เสียงกระซิบหายไป และอากาศในห้องกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม ชาวบ้านรู้สึกโล่งใจและเริ่มหวังว่าพวกเขาจะสามารถหลับไปพร้อมกับฝันที่เต็มไปด้วยความสุขในคืนนั้น
ตอนจบด้วยความรู้สึกของชุมชนที่มีต่อความสำเร็จในการล้างคำสาปและการกลับมาของนิทราที่มีฝัน อย่างไรก็ตาม เอเมลินยังคงเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง หวังว่าผลของพิธีนี้จะยั่งยืน และวิญญาณในหีบศพจะได้รับการปลดปล่อยอย่างแท้จริง
ตอนที่ 3: ภาพลวงตาในหิมะ
เช้าวันถัดมาหลังจากพิธีล้างคำสาป, เอเมลินและชาวบ้านตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวังว่าจะได้กลับมาฝันอีกครั้ง หมู่บ้านปกคลุมไปด้วยหิมะสะอาดที่สะท้อนแสงแดดยามเช้า ซึ่งให้ความรู้สึกสดใสและใหม่เอี่ยม อย่างไรก็ตาม หลังจากแลกเปลี่ยนประสบการณ์คืนที่ผ่านมากับเพื่อนบ้าน เอเมลินตระหนักว่าหลายคนยังคงไม่มีฝัน และบางคนกล่าวว่าพวกเขาเห็นภาพลวงตาที่ชวนหลอกหลอนในความมืดขณะพยายามหลับใหล
ความวิตกกังวลทวีคูณขึ้น เอเมลินตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือจากมาร์คัสอีกครั้ง เพื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบหีบศพในโบสถ์ ขณะที่พวกเขาเข้าสู่โบสถ์ เอเมลินและมาร์คัสได้สังเกตเห็นร่องรอยแปลกๆ บนหิมะที่นำไปสู่หีบศพ ร่องรอยเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้มาจากสัตว์หรือมนุษย์ใด แต่เป็นรอยลากที่ไม่สามารถอธิบายได้
ทันทีที่เปิดหีบศพเพื่อสำรวจ พวกเขาพบว่าภายในหีบมีดอกไม้งานศพเก่าแก่ แต่แทนที่จะเน่าเสีย ดอกไม้เหล่านั้นยังคงสดและมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด มาร์คัสพบสัญลักษณ์ลึกลับที่ถูกสลักอยู่ที่ฝาหีบศพซึ่งไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
เพื่อหาคำตอบ พวกเขาตัดสินใจที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับสัญลักษณ์และดอกไม้เหล่านั้น การค้นคว้านำพวกเขาไปยังเรื่องราวเก่าแก่ของหมู่บ้านที่บันทึกไว้ในห้องสมุด ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของหญิงชราที่ถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์เพื่อผูกวิญญาณผู้คนไว้กับหีบศพผ่านดอกไม้เพื่อรักษาชีวิตนิรันดร์
เอเมลินและมาร์คัสตัดสินใจที่จะทำพิธีอีกครั้ง คราวนี้ด้วยความรู้ใหม่เกี่ยวกับสัญลักษณ์และเจตนาที่แท้จริงของหีบศพ พร้อมหวังว่าพวกเขาจะสามารถยุติคำสาปและนำพาความฝันที่หายไปกลับคืนสู่หมู่บ้านได้สำเร็จ
ตอนจบด้วยความเตรียมพร้อมของพวกเขาสำหรับพิธีใหม่ในคืนนี้ ท่ามกลางหิมะที่เริ่มตกหนักขึ้น และความหวังที่พวกเขาจะได้พบกับความสงบสุขอีกครั้ง.